สิงหาคม 2561

เวลาที่เป็นเกลียว

สวัสดีที่รัก

ผมคือผู้รักษาเวลา ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องเลือกว่าใครจะเข้ามาสื่อซึ่งผมขันอาสาเพราะเรื่องที่จะพูดถึงนั้นเป็นเรื่องที่ผมชำนาญ  บางครั้งเราก็มาพร้อมกันเป็นกลุ่ม แต่ผมคือผู้รักษาเวลาและผมมาในวันนี้เพื่อพูดคุยเรื่องเวลา มีหลายสิ่งเกิดขึ้นบนโลกของคุณในขณะนี้ เราขอเริ่มด้วยการให้คุณเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นมากกว่าการเห็นแต่ความสับสนวุ่นวาย พลังงานแบบนี้สามารถนำคุณออกไปจากสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่และทำไมคุณถึงมาที่นี่ มันเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่คุณจะต้องจดจำให้ได้ว่าคุณคือใครและเมล็ดพันธุ์อะไรที่คุณมาหว่านบนโลกใบนี้ เวลานั้นสำคัญมาก ดังนั้นเรามาพูดถึงเรื่องของเวลากัน ผมจะทำให้มันเป็นเรื่องง่ายๆก็แล้วกันนะเพื่อที่คุณจะเข้าใจแนวคิดของสิ่งที่ผมจะพูด

ภาพลวงตาของเวลาที่เป็นเส้นตรง

ง่ายๆก็คือ ในทุกมิติและในตอนเริ่มต้นนั้นคุณทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกจึงไม่มีความจำเป็นต้องมีเวลา เวลาเป็นภาพลวงตาของเกม มันถูกสร้างขึ้นโดยสมองซีกซ้ายของคุณเพราะสมองซีกซ้ายไม่ทำอะไรมากไปกว่าเรื่องของเวลา มันใช้ประสบการณ์ทั้งหมดและการรับรู้ทุกอย่างของคุณแล้วเอามันไปอยู่ในกล่องเล็กๆพร้อมด้วยวันที่ทำให้มีการกำหนดเวลาขึ้น นั่นคือวิธีที่คุณผสานรวมและใช้ชีวิตของคุณบนเวลาที่เป็นเส้นตรงบนอดีตปัจจุบันและอนาคต อย่างที่คุณอาจรู้แล้ว อดีตเป็นเพียงความทรงจำ เราสามารถบอกคุณได้ว่าคุณหลายคนได้เปลี่ยนความทรงจำต่างๆอย่างมีสติเพื่อทำให้ตัวเองเป็นอิสระจากข้อจำกัดต่างๆในอดีตเรายังเคยให้วิธีการบางอย่างแก่คุณในการทำเช่นนั้นด้วย  เพราะมันเป็นการดีที่คุณจะก้าวข้ามข้อจำกัดที่เกิดจากอดีตของคุณ

อนาคตคือความฝัน ความหวังความเป็นไปได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องจริง เช่นเดียวกับอดีตซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคนที่จะเข้าใจ คุณต้องการที่ๆสมบูรณ์แบบที่คุณสามารถพบความจริงที่สมบูรณ์ได้ กระนั้นในขณะที่คุณกำลังเริ่มตระหนักว่าความจริงนั้นเป็นนามธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ มันคือพลังงานที่คุณกำลังมุ่งไปสู่ กำลังเล่นกับมัน ทดลองมัน คอยดูว่าอะไรที่ดีต่อคุณอย่างสูงสุดในทุกด้านที่คุณอยู่ในขณะนี้ในมิติที่ 5นี้เรามาพูดถึงเรื่องกระบวนการของมันสักหน่อยแล้วกัน  คุณมีอดีตปัจจุบันและอนาคต ในบรรดาสามสิ่งนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นจริงคือ ปัจจุบันขณะ

หลายคนทำสมาธิ หลายคนสวดมนต์ เล่นโยคะและฝึกเจริญสติเพื่อชำระล้างจิตใจ ทั้งหมดนี้คือการวางตัวคุณอยู่ในปัจจุบันขณะซึ่งเป็นความจริงหนึ่งเดียวในสามสิ่งนั้น หากคุณต้องการไปที่อดีตคุณต้องทำในปัจจุบันขณะ หากคุณต้องการวาดอนาคตคุณก็ต้องทำในปัจจุบันขณะเช่นกันที่นี้ คุณมีแนวโน้มที่จะเก็บความทุกข์ยากไว้ในอดีต วาดความหวังและความฝันไว้ในอนาคต ลองคิดดูสักครู่สิ หายใจเข้าพร้อมไปกับผมหลับตาสักครู่และนำพลังงานของคุณไปในอนาคตประมาณสามอาทิตย์ข้างหน้า คุณรู้สึกสึกถึงพลังงานนั้นไหม ?  จับความรู้สึกนั้นไว้นะ  ลืมตาขึ้น กลับมาสู่ปัจจุบันขณะและหายใจลึกๆ  ดีมาก  เอาล่ะ หลับตาลงอีกครั้ง  ให้เราพาคุณไปยังอดีตเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน รู้สึกอย่างไรบ้าง?รู้สึกว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ทีนี้ลืมตาขึ้น ที่รัก นั่นคือสิ่งที่เรากำลังพูดถึง

ความกลัวอยู่ได้แค่ในอนาคตเท่านั้น

และมันอาจเป็นการดีที่จะรู้ว่าความกลัวนั้นมีอยู่แค่ในอนาคตเท่านั้น คุณไม่กลัวในขณะนี้คุณเพียงแต่

กลัวสิ่งที่อาจเกิดขึ้นข้างหน้า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฉายความกลัวลงในปัจจุบันขณะ คุณอาจจะแค่โกรธหรืออารมณ์เสีย แต่ไม่สามารถมีความกลัวได้หากคุณอยู่ในปัจจุบันขณะ  จริงๆแล้วความกลัวคือภาพฉายที่ดำรงอยู่ได้ในอนาคตเท่านั้น ดังนั้น โปรดจำสิ่งนี้ไว้ให้ดีนะที่รัก  เช่นเดียวกันคุณไม่กลัวอดีตของคุณ มันเกิดขึ้นแล้ว บางคนอาจไม่ชอบอดีตของตนเอง แต่วิธีเดียวที่เขายังคงความกลัวไว้ได้คือกลัวว่าอดีตจะกลับมาซ้ำรอยอีกในอนาคต คุณไม่ได้กลัวในช่วงปัจจุบันขณะเพราะคุณปลอดภัยอยู่ ในตอนนี้ ไม่ว่าคุณกำลังประสบกับอะไรอยู่หรือแม้ว่าคุณจะเจ็บปวด คุณก็ยังรู้สึกปลอดภัยในขณะนี้  ถ้าคุณพบว่าตัวเองกำลังฉายภาพความคิดอะไรออกไป มันหมายความว่าคุณได้ก้าวออกจากปัจจุบันขณะแล้ว

นั่นคือขั้นตอนหนึ่งในขั้นตอนแรกๆที่เราสอน ในการกลับเข้าสู่ปัจจุบันขณะและรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตคุณก็ปลอดภัยในขณะนี้แล้ว คุณหายใจได้ ในความเป็นจริงการทำงานของเรากับคุณมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้คุณอยู่ในปัจจุบันขณะในทุกโอกาส สิ่งนี้นำคุณไปสู่การมีศักยภาพสูงสุดของทุกประสบการณ์ของชีวิต นั่นคือส่วนสำคัญของทั้งสามสิ่ง (อดีต ปัจจุบัน อนาคต) ที่เวลาของมิติที่ 3 ถูกแบ่งแยกออก

คุณเป็นพระเจ้าในมิติแรก = ความเป็นหนึ่งเดียวกันหรือเวลาที่ไม่มีอยู่

ทีนี้ เรามาดูมิติอื่นๆกันบ้าง  เมื่อเราพูดรวมๆถึงมิติแรกนั้น มันคือสิ่งที่คุณเรียกว่า พระเจ้าที่รัก เมื่อคุณอยู่“บ้าน” คุณไม่ได้แตกแยกกันเลย  ใช่  คุณมีบุคลิกของตัวเอง แต่คุณไม่ได้แตกแยกกัน คุณล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน พวกคุณทั้งหมดคือพระเจ้า มันอาจเข้าใจยากสักหน่อยนะ  คุณทุกคนมีพระเจ้าอยู่ในตัว แต่กระนั้นคุณก็มีบุคลิกเฉพาะตัวของแต่ละคนและนั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าบุคลิกภาพหลัก ก็เหมือนกับที่นิ้วชี้ของคุณมีบุคลิกแตกต่างจากนิ้วหัวแม่มือนั่นแหละ แต่ทั้งสองก็เกี่ยวข้องกันและเป็นส่วนของมือและร่างกายเดียวกัน ถ้านิ้วชี้ของคุณต้องการแตะนิ้วหัวแม่มือสิ่งที่นิ้วทั้ง 2ทำก็แค่คิดเรื่องนี้แล้วมันก็จะเป็นไปตามนั้น โดยนิ้วหัวแม่มือจะปรากฏขึ้น นิ้วชี้รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของนิ้วหัวแม่มือของคุณและก็มาแตะกันราวกับแม่เหล็กดึงดูดกัน ดังนั้นมันก็เหมือนกับที่ทุกคนมีเมื่อตอนคุณอยู่ที่ “บ้าน” ที่รัก มันไม่มีความลับเลยที่ “บ้าน”น่ะ เพราะทุกคนคือส่วนหนึ่งของกันและกัน มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีความลับซึ่งกันและกันมุมมองด้านจิตวิญญาณ

เมื่อคุณอยู่ที่“บ้าน” คุณจะแชร์ประสบการณ์เชิงลบที่คุณมีในขณะที่คุณอยู่บนโลกหรือที่อื่นๆกันกับจิตวิญญาณอื่นๆในแบบภาคภูมิใจ มันออกจะดูแตกต่างจากที่คุณมองมันบนโลกใบนี้เพราะคุณแทนที่มันด้วยการรับรู้อื่น คุณก้าวผ่านมันไปแล้วซึ่งทำให้คุณเข้มแข็งและความเข้าใจว่าคุณได้แบ่งปันประสบการณ์กับทุกสิ่งที่เป็นทั้งหมด ในมิติแรกเวลาไม่มีอยู่เพราะไม่มีการแบ่งแยกกัน ที่“บ้าน”ในมิติแรกทุกสิ่งล้วนอยู่ในปัจจุบันขณะ  เพราะความที่ไม่มีเวลาและไม่มีการแบ่งแยกอดีตปัจจุบันและอนาคต ที่ทั้งหมดล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน (เกิดขึ้นพร้อมกัน)

มิติที่สอง = เวลาที่ทับซ้อน

มิติที่สองคือที่ที่คุณเดินทางผ่าน คุณไม่ได้อยู่ที่นั่นแต่คุณต้องผ่านมันเพื่อไปมิติที่สาม ในมิติที่สองนั้นมีความเป็นขั้วและความเป็นคู่ คุณจำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการแกล้งทำเป็นว่าคุณแยกจากความเป็นทุกสิ่ง คุณเห็นสิ่งต่างๆในแบบขึ้น, ลง, ดี, ไม่ดี, ถูกหรือผิด,ทุกอย่างอยู่ตรงข้ามกันเพื่อให้คุณเห็นในสิ่งที่ตรงข้ามกัน เวลาของมิติที่สองจะทับซ้อนกันเพื่อเกิดความเป็นขั้วของเกมแห่งการแตกแยกกันของคุณ  เวลาทับซ้อนกันนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณอยู่ในปัจจุบันขณะและมองไปที่สิ่งที่ตรงข้ามกัน  นี่คือจุดเริ่มต้นของการมีเวลา มันมีเพียงแค่สองมิติเท่านั้นไม่ปัจจุบันขณะก็ขณะอื่น  ในมิติที่สองคุณมีเวลาของมิติที่สองดังนั้นคุณจึงรู้สึกถึงการแบ่งแยกตัวคุณเองจากความเป็นทุกสิ่ง นั่นคือเมื่อคุณได้ยึดมั่นความเป็นคู่ไว้กับคุณ และคุณยังนำมันมาไว้ในร่างกายของคุณอีกด้วยนะ คุณมีสองตาสองแขนสองขาและยังยึดครองพลังงานความเป็นขั้วไว้ทั้งหมดอีกด้วย

มิติที่สาม = เวลาที่เป็นเส้นตรง

ตอนนี้คุณเข้าสู่มิติที่สามแล้วและคุณมาตั้งแต่ครอบครัว E ได้นำคุณมาบนโลกใบนี้ ในมิติที่สามนั้นเวลามีสามมิติ ด้วยเวลาที่เป็นเส้นตรงและในมิติที่สามนี้ มันเกิดภาพลวงตาว่ามีอดีตปัจจุบันและอนาคตขึ้นเป็นครั้งแรก คุณไม่เพียงแต่มีประสบการณ์ในปัจจุบันขณะซึ่งคุณยังมีประสบการณ์ของมิติที่สองด้วยเท่านั้น แต่คุณยังคงสามารจดจำอดีตและฉายภาพของอนาคตได้อีกด้วย  มันราวกับคุณเป็นผู้กำเวลาไว้ได้เลยทีเดียว

ด้วยความเชี่ยวชาญนั้น คุณได้ประสบการณ์เต็มๆในเรื่องของเกมการแสร้งทำเป็นแตกแยกกันบนโลกใบนี้ จิตวิญญาณของคุณมีประสบการณ์ที่หลากหลายในการเล่นเกมนั้น   เมื่อคุณจบชีวิตลงคุณจะนำประสบการณ์เหล่านั้นทั้งหมดกลับ“บ้าน”  จากนั้นคุณมีโอกาสที่จะประเมินว่าประสบการณ์ไหนที่คุณทำสำเร็จแล้วและประสบการณ์ไหนที่คุณต้องนำไปเรียนรู้อีกในชาติภพต่อไป และในบางเรื่องคุณจะแบ่งปันประสบการณ์ของคุณกับจิตวิญญาณดวงอื่นๆ  นั่นคือสิ่งที่เราอ้างถึงว่าเป็น“บ้าน”  ทุกคนเรียนรู้จากสิ่งที่คุณเรียกว่า ความผิดพลาด

ที่รัก เรายังบอกคุณอีกด้วยนะว่ามีเรื่องตลกที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่“บ้าน”อย่างเช่นในช่วงชาติภพหนึ่งของคุณคุณมีศัตรูตัวฉกาจ คุณรู้สึกไม่กินเส้นกับคนๆนั้นเอาซะเลยไม่ว่าคุณจะพยายามอย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถแม้กระทั่งจะอยู่ในห้องเดียวกันหรือในพลังงานเดียวกันกับเขาได้เลย เมื่อคุณกลับมาที่“บ้าน” คุณพบกันและตบไหล่กัน “โอ้ย มันช่างยอดเยี่ยมจัง เราจำไม่ได้ว่าเราทำสัญญากันไว้แบบนั้น ขอบคุณที่ร่วมเล่นเกมนั้นกับฉันนะ มันช่วยให้ฉันได้สำรวจตัวเอง มันช่วยให้ฉันก้าวไปข้างหน้าและเรียนรู้ ” มันช่างแปลกมากเลยนะ ประสบการณ์ของความกลัวและอารมณ์เชิงลบที่เกิดจากความกลัวเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งต่อจิตวิญญาณดวงอื่นๆ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีที่“บ้าน” ดังนั้น มันจึงเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ทั้งหมดไปทั้งสิบเอ็ดมิติของพื้นที่ของเวลาพระเจ้าเป็นอเนกอนันต์ ดังนั้นพระองค์สามารถทำอะไรก็ได้นอกจากเห็นตนเองนั่นคือเหตุผลของเกมที่แสร้งทำเป็นแตกแยกเกิดขึ้น

ดังนั้น ตอนนี้คุณอยู่ในมิติที่สามที่เราเรียกว่ามิติมวลรวม มิติมวลรวมเป็นมิติที่หนึ่ง, สอง, สาม, สี่และห้า

ของพื้นที่ของเวลา  ในอดีตที่ผ่านมามนุษยชาติเริ่มที่จะย้ายเกมทั้งหมดไปในมิติที่สูงขึ้น นี่คือเจตนารมณ์ของ

เกมทั้งหมดในทุกที่แม้ว่าจะไม่มีใครทำได้สำเร็จจนถึงขณะนี้ก็ตาม

มิติที่สี่ = เวลาที่เป็นวงกลม

คุณอาจรู้ว่าประมาณ 40 ปีก่อนมนุษยชาติเริ่มเคลื่อนตัวช้าๆไปสู่มิติที่สี่ซึ่งมีคุณลักษณะต่างไป คุณเริ่มมองเห็นสิ่งที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน คุณเริ่มมีการรับรู้ที่คุณไม่เคยมีมาก่อน คุณได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงนี้ แม้กระทั่งเมื่อ 40 ปีที่แล้วมีคนจำนวนมากที่นำแสงสว่างจาก “บ้าน” มาสู่โลก ในช่วงเริ่มต้นของมนุษยชาติมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถสื่อกับดวงจิตอื่นได้ วันนี้มีคนหลายพันคนที่คุณเรียกว่าเป็นผู้สื่อสาร (กับต่างมิติ)บนดาวเคราะห์ของคุณซึ่งทั้งหมดมีเสียงที่ต่างกันออกไปเล็กน้อย (ในขณะที่สื่อ) หลายคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นผู้สื่อสาร

อัลเบิร์ทไอสไตน์เป็นผู้สื่อสาร เช่นเดียวกับนิโคลา เทสล่าบีโธเฟนปิกัสโซ โคเปอร์นิคุส ดาวินชี่ และคนอื่นๆ ทั้งหมดล้วนนำสาส์นมาตามช่องทางของพวกเขาแม้ต้องเผชิญกับแรงต้านของผู้ที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง มีหลายชีวิตบนโลกใบนี้ที่ได้รับข้อมูลและเรียนรู้ที่จะไว้ใจมันเพื่อนำมันมาส่งต่อและเพื่อนำมาถ่ายทอดต่อหน้าบรรดาผู้ที่ไม่ประสงค์จะได้ยินการสื่อสารเหล่านั้นมีน้อยและห่างไกลกันช่วง40 ปีที่ผ่านมา  ตอนนี้การสื่อสารมีมากขึ้นมันเกี่ยวกับความจริงที่ว่าคุณได้เริ่มเคลื่อนผ่านมิติที่สี่ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ 35 ถึง 40 ปีที่ผ่านมา

มิติที่สี่ไม่ใช่สถานที่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นสถานที่ที่ต้องผ่านเพื่อจะตราไว้ มันเริ่มกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งได้นำไปสู่ปฏิกิริยารุนแรงฉับพลันของกลุ่มอนุรักษนิยมที่ปรากฏขึ้นทั่วโลก ในมิติที่สี่คุณมีการจัดเรียงเวลาที่น่าสนใจ เมื่อไม่นานมานี้ครูของคุณหลายคนเริ่มพูดถึงเวลาที่เป็นวงกลมซึ่งมีในมิติที่สี่

ถ้าคุณใช้จุดใดจุดหนึ่งบนวงกลมคุณมีโอกาสได้สัมผัสกับบางสิ่งในชีวิต ในเวลาที่เป็นวงกลมคุณประทับประสบการณ์ไว้บนเวลานั้น  ถ้าคุณเรียนรู้และเข้าใจประสบการณ์ชีวิตของคุณอย่างถ่องแท้แล้ว ประสบการณ์นั้นก็จะออกจากวงจรไป  หากไม่ ประสบการณ์เดิมนั้นก็จะกลับมาอีกแต่ในรูปแบบที่ต่างไปมันไม่สำคัญว่าคุณประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงหรือไม่ มันไม่เกี่ยวกับการตัดสินและไม่เกี่ยวกับดี ไม่ดี ถูกหรือผิด ในมิติที่สี่คุณสามารถสละความเป็นขั้วได้ อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะทำแบบนั้นเพราะคุณมักค้นหาความจริงกฎระเบียบ ชีวิตและกฎหมาย คุณพยายามเขียนความจริงของคุณเพื่อที่คุณจะได้สอนคนที่เดินตามหลังคุณ แต่นี่แน่ะ คุณเริ่มที่จะเข้าใจว่าจริงๆแล้วมันไม่มีหรอกถูกหรือผิด ในแง่นั้นมิติที่สี่มีการรับรู้ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  บางคนยังคงติดยึดกับความเป็นจริงเก่าๆของมิติที่สามในขณะที่หลายชีวิตตั้งใจที่จะไม่ก้าวเข้าสู่มิติที่สี่ คนอื่น ๆก็ รู้สึกราวกับว่าพวกเขาถูกผลักไปในสิ่งที่ไม่ได้เลือก

มนุษย์ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

แรงต้านบางส่วนเป็นเรื่องของความกลัวอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลง หลายคนต่อต้านการเปลี่ยนแปลงแม้จะมีหลักฐานคัดง้างกับความเชื่อของพวกเขามายืนยันก็ตาม  น่าเสียดายที่เนื้อหาข่าวของคุณช่างเต็มไปด้วยเรื่องแบบนั้นรายวันและในทุกที่ที่เลย  ในมิติที่สี่นั้นเวลาเป็นวงกลมคุณจะเห็นทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำๆกัน  เราขมวดเวลาที่เป็นเส้นตรงให้เป็นวงกลม  หากคุณอยู่บนจุดๆหนึ่งของเวลาที่เป็นวงกลมนี้และทำให้ประสบการณ์ของคุณจบสมบูรณ์ ประสบการณ์นั้นมีแนวโน้มที่จะหลุดออกไป หากมีบางสิ่งที่หลงเหลืออยู่ภายในตัวของคุณที่ไม่ชัดเจนหรือไม่เข้าที่เข้าทาง คุณก็จะต้องมามีประสบการณ์นั้นซ้ำอีกบนเวลาที่เป็นวงกลมนี้  และมันก็ยังหมายความว่าคุณสามารถย้อนกลับไปในอดีตของคุณและจัดการกับประสบการณ์ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ เวลาที่เป็นวงกลมในมิติที่สี่นั้นทุกคนมีโอกาสที่จะมีประสบการณ์ที่จะหมุนกลับมาได้อีก

มิติที่ห้า= เวลาที่หมุนเป็นเกลียว

พวกคุณส่วนใหญ่ที่อ่านข้อความนี้ได้ผ่านเรื่องนั้นมาแล้ว  คุณได้เข้าสู่มิติที่ห้าแล้วและกำลังพยายามหาความกระจ่างและปรับตัวให้เข้ากับมิตินี้ เวลาของมิติที่ห้าเป็นทั้งเส้นตรงและวงกลม มันเป็นเกลียวและในเวลาที่เป็นเกลียวนั้นสิ่งต่างๆมีความแตกต่างกันมาก โอ..คุณช่างคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในมิติที่สามเสียจริงแม้แต่สมองของคุณก็คิดแบบเป็นเส้นตรง คิดทีละครั้งๆ  เมื่อคุณอยู่ในเวลาที่เป็นเกลียว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตามคุณสามารถมองเห็นสิ่งอื่นผ่าทะลุไปทั้งหมดได้ คุณสามารถใช้ทางลัดเพื่อไปจัดการกับอดีตของคุณได้ง่ายขึ้นด้วย โดยการกระโดดไปด้านข้างคุณจะสังเกตเห็นโอกาสที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน คุณสามารถเดินทางบนเวลานั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เฝ้าดูและอ่านข้อความนี้ตอนนี้พวกคุณเกือบ 90 % เดินทางในเวลานั้นอยู่ คุณได้กลับมาที่นี่ในตอนนี้ ไม่เพียงแค่เพื่อสังเกตและเฝ้าดู แต่เพื่อสร้างความแตกต่างด้วยพลังงานและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของคุณ เพราะตอนนี้คุณอยู่ที่นี่คุณจำสิ่งเหล่านั้นได้ไหม? ไม่หรอก มันไม่ได้อยู่ในหัวของคุณตลอดเวลา  แต่คุณจำได้ด้วยหัวใจของคุณ นั่นคือกุญแจสำคัญในการนำคุณว่าจะไปที่ใด ไปในเวลาที่เป็นเกลียวและความคิด  ในเวลาที่เป็นเกลียวนี้ผสมผสานพลังงานของมิติที่สามและสี่ไว้ด้วยกันเพื่อนำการก้าวไปข้างหน้าที่งดงามพร้อมมุมมองใหม่ๆมาให้กับคุณ

ประสบการณ์ยังคงเกิดขึ้นซ้ำๆกันในแบบเดียวกับเวลาที่เป็นวงกลม  คุณยังมีโอกาสที่จะชำระล้างสิ่งต่างๆที่คุณไม่เคยทำมาก่อน มันจะง่ายขึ้นเพราะคุณสามารถมองไปรอบๆ และเห็นสิ่งที่คุณทำครั้งสุดท้ายเมื่อคุณอยู่ที่นั่น มันจะช่วยให้คุณสามารถชำระล้างสิ่งต่างๆได้ด้วยการมองไปมาในลักษณะที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่เราจะนำมาใช้ในขณะที่เราย้ายคุณไปยังร่างแสงที่มีอิทธิพลต่อรุปแบบของสิ่งต่างๆซึ่งจะนำคุณไปสู่ระดับการดำรงอยู่ของคุณต่อไปบนโลกใบนี้สิ่งนี้ก็เพื่อคุณที่ต้องการอยู่และเฝ้าดูสิ่งที่สวยงามที่จะเกิดขึ้น เพื่อผู้ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วที่เราได้พูดถึงว่าดวงตาทุกดวงมองมายังโลก มันมีมากกว่านั้นอีกนะ คุณกำลังสร้างโอกาสในการส่องแสงสว่างในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในระดับนี้เลย  คุณสามารถตรึงแสงสว่างไว้และสร้างความแตกต่างได้ในเวลาที่เป็นเกลียวนี้ ครั้งต่อไปเมื่อสิ่งนี้เวียนกลับมาบนจุดนี้อีกครั้ง คุณจะมองย้อนกลับไปและพูดว่า “ฉันรู้ว่าฉันได้ทำสิ่งนี้ไว้ ฉันจำได้”  คุณจะรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ดังนั้นความกลัวก็จะลดลงเป็นอย่างมาก

คุณจะมีโอกาสที่จะก้าวไปอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมตัวและพบกับความเบิกบานในทุกช่วงเวลาในอนาคต เมื่อเวลาที่เป็นเกลียวและความคิดเป็นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ความกลัวก็ไม่มีที่หลบซ่อน และเมื่อความกลัวไม่มีแล้ว คุณก็ไม่ต้องไปจัดการกับมัน คุณเริ่มที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งแม้ว่าคุณจะอยู่ในมิติที่ห้าและเริ่มเชื่อมต่อกับหัวใจทุกดวงที่อยู่รอบตัวคุณอีกครั้ง มันคล้ายกันมากกับที่คุณทำในสมัยของเลอมูเรียมันกำลังจะกลับมาที่รักหัวใจที่เปิดกว้างของโลกอยู่ที่นี่แล้ว  ตอนนี้เราก็จะดูว่าคุณจะทำอย่างไรต่อไป เราขอต้อนรับคุณสู่สถานที่แห่งนี้บนโลกใบนี้ในขณะนี้ที่ของคุณได้รับการสงวนไว้ให้คุณแล้วตอนนี้คุณกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และเหตุการณ์หลักๆกำลังจะเริ่มต้นขึ้น จงรู้ในทุกส่วนของตัวคุณเองว่าคุณอยู่ที่นี่อย่างมีจุดมุ่งหมายพร้อมด้วยคำตอบที่ครบถ้วนในขณะที่คุณเคลื่อนผ่านช่วงเวลาที่เป็นเกลียวนี้ จงเพลิดเพลินไปกับการเดินทางนะที่รัก ผมคือผู้รักษาเวลา

ESPAVO

____________________________________

สวัสดีที่รัก ขอทักทายมาจาก“บ้าน”

ผมคือนักวิทยาศาสตร์แห่งหัวใจและผมมาในวันนี้เพื่อแบ่งปันเกี่ยวกับเวลาที่เป็นเกลียว  ดังที่ผู้รักษาเวลาได้กล่าวไปแล้ว เวลาที่เป็นเกลียวทำให้คุณมีมุมมองและการรับรู้ด้านต่างๆที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้คุณจึงสามารถกระโดดขึ้นไปอีกขั้น มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยในเวลาที่เป็นเส้นตรงหรือเวลาที่เป็นวงกลม  เมื่อคุณรู้เรื่องของเวลาที่เป็นเกลียวแล้ว คุณจะพบว่าสิ่งใหม่ๆสามารถเกิดขึ้นได้ มันไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่ในระดับผู้นำด้านวิวัฒนาการเท่านั้น แต่กับทุกคนด้วยเพราะทั้งหมดได้เข้าสู่มิติที่ห้าแล้ว แน่นอนคนส่วนใหญ่ไม่มีเงื่อนงำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย  แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างแตกต่างไป  แต่พวกเขายังคงตื่นขึ้นมาและดำเนินชีวิตตามปกติของมิติที่สาม พวกเขาปฏิบัติตามกฎของมิติที่สามซึ่งไม่เหมือนเดิมแล้วในตอนนี้ ในเวลาที่เป็นเกลียวทุกคนเริ่มเห็นอะไรๆต่างออกไป เวลาที่เป็นเกลียวมีอยู่เสมอมาไหม ? ใช่ไม่ใช่เวลาที่เปลี่ยนไปหรอกนะที่รัก เป็นมนุษย์ต่างหากล่ะที่เปลี่ยนแปลง  จิตวิญญาณที่มาแสร้งทำเป็นมนุษย์ ได้มาถึงระดับแรงสั่นสะเทือนที่เข้ามาสู่เวลาที่เป็นเกลียวที่มีอยู่เสมอมาแล้ว

ด้วยการรับรู้ใหม่นี้คุณอาจต้องก้าวออกจากเกมที่หนาแน่นทึบตัน คุณจะเปลี่ยนแปลงความสามารถทางร่างกายของคุณ  เมื่อเวลาผ่านไปความหนาแน่นทึบตันจะหมดไป  ในอีก 40 ปีข้างหน้ามีการเปลี่ยนแปลงแบบเบ็ดเสร็จเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์ทั้งปวงที่เลือกที่จะเข้ามาร่วมในการเปลี่ยนแปลงนี้  คุณยังคงอยู่บนดาวเคราะห์แห่งเสรี ดังนั้นจะมีไม่กี่คนที่เลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้นด้วยเหตุผลต่างๆกัน  อย่างไรก็ตามบรรดาผู้ที่ต้องการที่จะมีร่างกายที่มีแรงสั่นสะเทือนสูงขึ้น อายุของคุณก็จะยืนยาวขึ้นอย่างมากและคุณก็จะไม่อยู่ในความความหนาแน่นทึบตันเช่นกัน  เมื่อโลกของคุณผ่านการเปลี่ยนแปลงไปคุณก็จะอยู่ในตำแหน่งอื่นเพื่อเฝ้ามองและเล่นเกมใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นบนโลกใบนี้ในตอนนี้  ทั้งหมดที่กล่าวมากำลังเกิดขึ้นแล้วจากนั้นในอีก10 ปีข้างหน้าหรือราวๆนั้น คุณมีโอกาสที่จะย้ายเข้าสู่สิ่งที่เราเรียกว่า ร่างแสง Morphogenicนั่นคือขั้นตอนแรกของกระบวนการวิวัฒนาการ มันรวมถึงความเข้าใจเรื่องของเวลาที่เป็นเกลียว ความคิดที่เป็นเกลียวการใช้ชีวิตในเวลาที่เป็นเกลียววิธีที่ดีที่สุดในการใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น  และยังมีกระบวนการที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นที่เราต้องการเตือนคุณล่วงหน้าว่า ไม่ใช่คุณเท่านั้นที่กำลังมีประสบการณ์เรื่องเวลาที่เป็นเกลียว   ยังมีผู้คนและธุรกิจต่างๆที่เฝ้าดูเรื่องราวเหล่านี้ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถที่จะใช้มันเพื่อการพัฒนาตนเองได้

ระวังกลลวง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือคุณสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดข้างหน้าและที่ผ่านมาได้ดีกว่าที่เคยทำได้ มีหลายชีวิตนะที่รักที่ต้องการใช้ความสามารถนั้นเพื่อความก้าวหน้าและเป้าหมายของตนเองผลก็คือบนโลกตอนนี้คุณมีสิ่งที่คุณเรียกว่าการหลอกลวงมากขึ้น มันหมายถึงอะไรหรือการหลอกลวงนั้น ? มันอาจเป็นสิ่งที่คุณได้รับทางอีเมลล์ที่ระบุว่า Microsoft พยายามติดต่อคุณเนื่องจากมีไวรัสในคอมพิวเตอร์ของคุณ หรืออาจมีคนโทรมาหาคุณและบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรที่พยายามติดต่อคุณ และคุณต้องโทรกลับไปยังหมายเลขโทรศัพท์นั้นเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีมันสารพัดแหละที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกใบนี้อย่างไม่เคยมีมาก่อนอย่าประมาทนะที่รักและคอยระวังเรื่องเหล่านั้นด้วยเวลาทีเป็นเกลียวทำให้การหลอกลวงนั้นเกิดขึ้นได้ง่าย

หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเนื่องจากคุณไม่สามารถควบคุมอินเทอร์เน็ตได้อย่างที่เคยทำ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเช่นกัน คนที่พัฒนาเวปไซท์ขึ้นมาก็กำลังทำระบบใหม่ที่ทำงานบนblockchainที่ไม่สามารถควบคุมได้ในแบบที่แม้แต่อินเทอร์เน็ตของคุณทำได้ในปัจจุบัน ความคิดแบบเกลียวยังถูกใช้โดยผู้ที่ต้องการจูงใจหรือควบคุมคุณ ทั้งหลายทั้งปวงที่เราขอคือให้คุณระลึกรู้อยู่ในปัจจุบันขณะ หัวใจของคุณรู้สึกอย่างไรในขณะนี้? มันจะทำให้คุณปลอดภัยจากบรรดาผู้ที่ต้องการใช้เวลาแบบเกลียวและกระบวนการแบบเกลียวในการชักจูงคุณ คุณกำลังประสบกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มากกว่าที่เคย ตัวอย่างเช่นคนที่โกหกและโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง

ผู้ที่เจตนาไม่ซื่อสัตย์

ในอีกไม่ช้า มนุษย์จะมีวิวัฒนาการไปจนถึงจุดที่พวกเขาจะไม่ยอมทนต่อการโกหกอีกต่อไป พวกเขาจะเรียกร้องให้มีการรวมตัวกัน  ความซื่อสัตย์จะมีบทบาทอย่างมากในเรื่องนี้ แม้ในขณะที่คุณย้ายออกจากเวลาที่เป็นวงกลมมาในเวลาที่เป็นเกลียว ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์จะไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ได้ มันช่างเป็นกระบวนการที่น่าสนใจมาก  เราได้เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนแล้วเมื่อครั้งที่เราสื่อผ่านหนังสือ Spiritual Psychology โดยผู้รักษาเวลา คนที่ไม่ซื่อสัตย์มักจะทำตัวเป็นจุดเด่น คุณชอบที่จะมองพวกเขาบางคนเป็นนักแสดง แต่พวกเขาไม่ใช่คนที่พวกเขากำลังแสดงตัวอยู่  พวกเขาไร้ซึ่งความซื่อสัตย์โดยเจตนาและคุณชอบดูพวกเขาทำเช่นนั้น คุณวางพวกเขาไว้ในที่ที่คุณสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นคนไม่ดีนะพวกเขาแค่กำลังแสดงอยู่  คุณชอบที่จะดูมันซึ่งเราทึ่งกับมันมาก  คุณยังตัดสินพวกเขาด้วยว่าแสดงได้ดีเพียงใด แล้วยังให้รางวัลสำหรับการแสดงที่ดีที่สุดอีกด้วยนะ มันช่างน่าทึ่งจริงๆ  อย่างไรก็ตามในเวลาที่เป็นเกลียวที่สามารถเป็นอริกับคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเริ่มต้น เราขอให้คุณทุกคนตระหนักมากขึ้น จงระแวงนิดๆระแวดระวังทุกอย่าง   อย่าตกหล่นหรือไม่ให้ความสนใจกับสิ่งใดเพราะชีวิตสั้นเกินไปสำหรับสิ่งนั้น เราเพียงแค่ขอให้คุณตระหนักถึงแม้เพียงเล็กน้อยและฉลาดขึ้นบ้างนิดนึง ในการที่จะระลึกรู้ว่าคุณอยู่ในเวลาที่เป็นเกลียว มันต่างกันและมีบางคนที่จะเริ่มใช้มันเพื่อต่อต้านคุณ

จงตระหนักถึงสิ่งที่คุณเรียกว่าการหลอกลวงเพราะมันมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และเข้มข้นขึ้น

ชนชั้นกลางในหลายๆแห่งทั่วโลกที่ไม่มีรายได้มากขึ้นมาเป็นเวลานาน ได้แพร่กระจายการหลอกลวงจำนวนมากออกไป ผู้คนพากันขวนขวายหาเงินด้วยวิธีที่สามารถทำได้ โปรดอย่าตัดสินพวกเขาเลยนะ แต่จงระมัดระวังและไม่ให้โอกาสพวกเขาด้วยความเขลาของคุณ

ไม่มีคนเลวร้ายหรอกนะ พวกเขาเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับคุณบางคนเกิดความหวาดกลัวและบางคนก็โลภ บางคนแค่มองหาทางลัดในเวลาที่เป็นเกลียวการค้นพบทางลัดเหล่านั้นทำได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคย นี่เป็นเรื่องที่บอกให้ระมัดระวังเล็กๆ  พึงระลึกไว้ว่าเมื่อคุณก้าวไปสู่ระดับต่อไป จะมีคนจำนวนมากที่ต้องการเงินในกระเป๋าของคุณหรือชักจูงให้คุณทำสิ่งต่างๆอย่างปราศจากความกลัว ระวังไว้ด้วยนะ ตระหนักรู้และอยู่ในแสงสว่างเสมอ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่มาบอกเล่าให้แก่คุณในจุดที่คุณสามารถรับฟังได้ในช่วงแห่งการวิวัฒน์ของคุณ คุณกำลังทำสิ่งที่โดดเด่นบนดาวเคราะห์ของคุณและเรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากในตัวคุณทุกคนดังนั้น จงทำดีเช่นนี้ต่อไปนะ  ดังที่ผู้รักษาเวลาจะบอกกับคุณว่า ดีมาก ที่รัก โปรดปฏิบัติต่อกันด้วยการให้เกียรติกัน ดูแลกันและกันและเล่นเกมด้วยกันอย่างดี

ผมคือนักวิทยาศาสตร์แห่งหัวใจและปรารถนาให้คุณใช้พลังอำนาจของคุณเอง

เดอะ กรุ๊ป

Copyright Notice:

Copyright 2000 – 2018 www.espavo.org This information is meant to circulate and may be freely disseminated, in whole or in part with the following conditions: Use of this material signifies that the user agrees to the following conditions: 1. The words “Copyright 2000 – 2017 www.espavo.org” will be included with all published material. 2. User agrees that all rights, including copyrights of translated material, remain the property of Espavo. If you translate this material we reserve the right to share that translation with credit to you as translator, on the Espavo site to make it available to all. Further information from the Group may be found at: https://www.espavo.org. Thanks for helping to spread the Light!